
รบกวนเล่าประวัติโดยย่อหน่อยค่ะ
ชื่อ นางสาวนวรัตน์ กิตติจูงจิต (ยุ้ย)
วันเกิด : 23 ต.ค. 2527
งานอดิเรก : ช๊อปปิ้ง ท่องเที่ยว อ่านหนังสือ ทานบุปเฟ่
อาชีพ : สถาปนิก
การศึกษา : มัธยมศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ปัจจุบัน : บริษัท ปาล์มเมอร์ แอนด์ เทอร์เนอร์ (ประเทศไทย)
ทำไมถึงเลือกที่จะเรียน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
คงเพราะเป็นคนที่ชอบวาดรูปเล่นตั้งแต่เด็กๆ ชอบประดิษฐ์ของเองด้วย พอโตขึ้นมาก็เริ่มจัดแจง อยากจัดนู่นจัดนี่ในบ้าน เวลาเห็นบ้านสวยๆ หรือตึกแปลกๆ ก็มักจะให้ความสนใจ เลยถามพ่อว่าถ้าอยากออกแบบพวกนี้เองต้องทำไง พ่อก็เลยบอกว่า “ก็ต้องเป็นสถาปนิก” จากนั้นก็เริ่มให้ความสนใจกับด้านนี้มาเรื่อยๆ
ตอนเรียนอยู่ คาดหวังกับสายอาชีพนี้อย่างไรบ้างคะ
คิดว่าน่าจะเป็นอาชีพที่โก้หรู หางานง่าย เงินเดือนสูง ก้าวหน้าได้เร็ว (แต่ตอนนี้รู้ซึ้งเลยว่า ตรงข้ามกับที่คิดไว้สุดๆ)
ประสบการณ์ที่ประทับใจตอนเรียน
ชอบตอนที่ได้ออกไป Field Trip หรือเวลาออกไปนอกสถานที่ อาจเป็นเพราะเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยแหละ เวลาเห็นของจริง สิ่งที่เราไม่เคยไปมาก่อน มันเป็นไรที่น่าตื่นเต้นมากกว่าภาพในหนังสือ แค่เห็นทุ่งหญ้าเขียวๆ ก็อยากกระโดดลงจากรถแล้ว ยังแอบคิดเลยว่า ถ้ามีบ้านอยู่กลางทุ่งนามันก็คงดีไม่น้อย แต่ไม่ได้อยากเป็นชาวนาหรอกนะ 555
ประสบการณ์การทำงาน
ได้ออกไปทำงานจริง ได้ปฏิบัติจริง ออกไปดูหน้างาน ออกไปประชุม คุยกับผู้ออกแบบหลายๆฝ่าย เหมือนได้พัฒนาตัวเอง พัฒนาความรู้ เพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองไปในตัว
ลักษณะงานในการปฏิบัติวิชาชีพ
ตอนนี้ทำงานเป็นโปรเจค ตั้งแต่เริ่มแรกของการออกแบบเลย การทำแบบร่าง การทำแบบขออนุญาต แบบประมูล จนตอนนี้กำลังทำแบบก่อสร้าง เริ่มเห็นงานที่เราเขียนไว้ ออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็รู้สึกดี บางครั้งสิ่งที่เราสเปคลงไป พอออกมาดีเราก็แฮปปี้ไปกับมัน
ทำไมถึงเลือกที่จะทำงานที่นี่/ลักษณะงานแบบนี้คะ
ได้ทำงานตรงกับสายที่เรียนมา ได้รับความรู้และประสบการณ์ในระบบของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีแบบแผน มีการทำงานที่เป็นระบบ ซึ่งน่าจะได้ประสบการณ์ความรู้ค่อนข้างมาก
ประสบการณ์ในการทำงานกับการเรียนต่างกันมากน้อยขนาดไหน
ต่างกันมาก เพราะการเรียนมีอาจารย์คอยสอนให้ทุกอย่าง แต่ทำงานต้องคิดเอง ทำเอง หาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะสิ่งที่เรียนมากับการทำงานจริงมันต่างกันมาก เหมือนมาเริ่มเรียนใหม่เกือบหมด มีความรู้ในหลายๆด้านที่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมตลอดเวลา เหมือนว่าไม่สามารถหยุดได้เลย เพราะมีสิ่งใหม่ๆให้ได้เรียนรู้ตลอด รวมถึงการที่ต้องทำงานกับหลายๆฝ่าย ทำให้เราต้องมีความรอบรู้ ความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือ ที่จะต้องประสานงานร่วมกับฝ่ายต่างๆ
มีอุปสรรคในการปฏิบัติวิชาชีพอะไรบ้างคะ
เนื่องจากประสบการณ์ที่มีค่อนข้างน้อย รวมถึงการทำงานจริงบางครั้งมีการทำงานผิดพลาดบ้าง เนื่องจากความไม่รอบคอบแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เวลาหน้างานจริงส่งผลกับหลายฝ่าย จึงทำให้เราต้องเพิ่มความรอบคอบในการทำงานมากขึ้น ดังนั้นยิ่งเรามีประสบการณ์มาก การทำงานที่ผิดพลาดก็จะยิ่งน้อยลง
มีหลักหรือข้อคิดในการทำงานอย่างไรบ้างคะ
ดูแบบอย่างผู้ที่สำเร็จในการทำงาน แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขดัวเอง ว่ามีข้อด้อยในจุดไหน ก็แก้ไขในจุดนั้นๆ บางครั้งการที่เราได้ร่วมทำงานกับคนที่เก่งๆ มันก็ช่วยให้เรามีไฟในการทำงานเช่นกัน
พี่คิดว่าคุณสมบัติพื้นฐานของสถาปนิกควรมีอะไรบ้างคะ
มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเมื่อถูกวิจารณ์ เพราะการทำงานชิ้นหนึ่งมันต้องร่วมมือกันหลายฝ่ายถึงจะสำเร็จ การตรงต่อเวลานี่ก็สำคัญมากๆเลย การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และตรงจุดที่สุด
ถ้าน้องๆสนใจอยากจะทำงานในบริษัทสถาปนิก ควรจะมีคุณสมบัติอย่างไร หรือควรพัฒนาตัวเองไปในด้านไหนคะ
ตามคุณสมบัติหลักๆที่กล่าวมานั่นแหละ ถ้าจะพัฒนาก็คงเป็นเรื่องประสบการณ์ความรู้ที่คงต้องหาเพิ่มเติมมากกว่าในห้องเรียน
เศรษฐกิจแย่ๆแบบนี้มีผลกระทบกับอาชีพบ้างหรือเปล่าคะ
มี แต่จริงๆไม่ว่าอาชีพไหน ๆ ก็มีผลกระทบไปหมดนั่นแหละ
โครงการในอนาคต
อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง 555
แค่ได้เห็นผลงานของเรา แค่นี้ก็ดีใจแล้ว จริงๆนะ
มีวิธีการดูแลตัวเองยังไงให้สวยปิ๊งตลอดเวลาคะ
การบริหารเวลา งานคืองาน พักคือพัก ช๊อปคือช๊อป นอนคือนอนประมาณนี้
ฝากถึงน้องๆที่กำลังทำทีสิสหน่อยค่ะ
พยายามเข้านะคะ สู้ๆล่ะ ผ่านมาทำงานจริงตรงจุดนี้ พอมองย้อนกลับไปทีสิดนี่ง่ายไปเลย เพราะเราได้ทำไรตามใจตัวเอง ฝันอะไรใส่ได้เต็มที่ มีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยช่วย เป็นอะไรที่สนุกสุดๆล่ะ เต็มที่เลยคะน้อง อย่าลืมขยันไปตรวจแบบกันด้วยล่ะ แบบไม่มีก็เอาหน้าไปให้อาจารย์ดูก็ยังดี กันลืม 555
สุดท้ายฝากถึงรุ่นน้อง สถ. ลาดกระบังหน่อยค่ะ
ชีวิตตอนเรียนเป็นอะไรที่ดีมากๆมาก เก็บเกี่ยวกันไว้เยอะนะ สนุกกับมันมากๆ ใช้ให้เต็มที่เลยพอมาทำงานแล้ว โตมากขึ้น จะทำอะไรแบบเด็กมันก็ไม่ได้แล้ว เพราะหน้าที่การทำงาน วัยวุฒิต่างๆ มันทำให้เราต้องปรับตัวมากขึ้น ว่าแล้วก็คิดถึงตอนเรียนจังเลย
ชื่อ นางสาวนวรัตน์ กิตติจูงจิต (ยุ้ย)
วันเกิด : 23 ต.ค. 2527
งานอดิเรก : ช๊อปปิ้ง ท่องเที่ยว อ่านหนังสือ ทานบุปเฟ่
อาชีพ : สถาปนิก
การศึกษา : มัธยมศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ปัจจุบัน : บริษัท ปาล์มเมอร์ แอนด์ เทอร์เนอร์ (ประเทศไทย)
ทำไมถึงเลือกที่จะเรียน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
คงเพราะเป็นคนที่ชอบวาดรูปเล่นตั้งแต่เด็กๆ ชอบประดิษฐ์ของเองด้วย พอโตขึ้นมาก็เริ่มจัดแจง อยากจัดนู่นจัดนี่ในบ้าน เวลาเห็นบ้านสวยๆ หรือตึกแปลกๆ ก็มักจะให้ความสนใจ เลยถามพ่อว่าถ้าอยากออกแบบพวกนี้เองต้องทำไง พ่อก็เลยบอกว่า “ก็ต้องเป็นสถาปนิก” จากนั้นก็เริ่มให้ความสนใจกับด้านนี้มาเรื่อยๆ
ตอนเรียนอยู่ คาดหวังกับสายอาชีพนี้อย่างไรบ้างคะ
คิดว่าน่าจะเป็นอาชีพที่โก้หรู หางานง่าย เงินเดือนสูง ก้าวหน้าได้เร็ว (แต่ตอนนี้รู้ซึ้งเลยว่า ตรงข้ามกับที่คิดไว้สุดๆ)
ประสบการณ์ที่ประทับใจตอนเรียน
ชอบตอนที่ได้ออกไป Field Trip หรือเวลาออกไปนอกสถานที่ อาจเป็นเพราะเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยแหละ เวลาเห็นของจริง สิ่งที่เราไม่เคยไปมาก่อน มันเป็นไรที่น่าตื่นเต้นมากกว่าภาพในหนังสือ แค่เห็นทุ่งหญ้าเขียวๆ ก็อยากกระโดดลงจากรถแล้ว ยังแอบคิดเลยว่า ถ้ามีบ้านอยู่กลางทุ่งนามันก็คงดีไม่น้อย แต่ไม่ได้อยากเป็นชาวนาหรอกนะ 555
ประสบการณ์การทำงาน
ได้ออกไปทำงานจริง ได้ปฏิบัติจริง ออกไปดูหน้างาน ออกไปประชุม คุยกับผู้ออกแบบหลายๆฝ่าย เหมือนได้พัฒนาตัวเอง พัฒนาความรู้ เพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองไปในตัว
ลักษณะงานในการปฏิบัติวิชาชีพ
ตอนนี้ทำงานเป็นโปรเจค ตั้งแต่เริ่มแรกของการออกแบบเลย การทำแบบร่าง การทำแบบขออนุญาต แบบประมูล จนตอนนี้กำลังทำแบบก่อสร้าง เริ่มเห็นงานที่เราเขียนไว้ ออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็รู้สึกดี บางครั้งสิ่งที่เราสเปคลงไป พอออกมาดีเราก็แฮปปี้ไปกับมัน
ทำไมถึงเลือกที่จะทำงานที่นี่/ลักษณะงานแบบนี้คะ
ได้ทำงานตรงกับสายที่เรียนมา ได้รับความรู้และประสบการณ์ในระบบของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีแบบแผน มีการทำงานที่เป็นระบบ ซึ่งน่าจะได้ประสบการณ์ความรู้ค่อนข้างมาก
ประสบการณ์ในการทำงานกับการเรียนต่างกันมากน้อยขนาดไหน
ต่างกันมาก เพราะการเรียนมีอาจารย์คอยสอนให้ทุกอย่าง แต่ทำงานต้องคิดเอง ทำเอง หาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะสิ่งที่เรียนมากับการทำงานจริงมันต่างกันมาก เหมือนมาเริ่มเรียนใหม่เกือบหมด มีความรู้ในหลายๆด้านที่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมตลอดเวลา เหมือนว่าไม่สามารถหยุดได้เลย เพราะมีสิ่งใหม่ๆให้ได้เรียนรู้ตลอด รวมถึงการที่ต้องทำงานกับหลายๆฝ่าย ทำให้เราต้องมีความรอบรู้ ความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือ ที่จะต้องประสานงานร่วมกับฝ่ายต่างๆ
มีอุปสรรคในการปฏิบัติวิชาชีพอะไรบ้างคะ
เนื่องจากประสบการณ์ที่มีค่อนข้างน้อย รวมถึงการทำงานจริงบางครั้งมีการทำงานผิดพลาดบ้าง เนื่องจากความไม่รอบคอบแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เวลาหน้างานจริงส่งผลกับหลายฝ่าย จึงทำให้เราต้องเพิ่มความรอบคอบในการทำงานมากขึ้น ดังนั้นยิ่งเรามีประสบการณ์มาก การทำงานที่ผิดพลาดก็จะยิ่งน้อยลง
มีหลักหรือข้อคิดในการทำงานอย่างไรบ้างคะ
ดูแบบอย่างผู้ที่สำเร็จในการทำงาน แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขดัวเอง ว่ามีข้อด้อยในจุดไหน ก็แก้ไขในจุดนั้นๆ บางครั้งการที่เราได้ร่วมทำงานกับคนที่เก่งๆ มันก็ช่วยให้เรามีไฟในการทำงานเช่นกัน
พี่คิดว่าคุณสมบัติพื้นฐานของสถาปนิกควรมีอะไรบ้างคะ
มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเมื่อถูกวิจารณ์ เพราะการทำงานชิ้นหนึ่งมันต้องร่วมมือกันหลายฝ่ายถึงจะสำเร็จ การตรงต่อเวลานี่ก็สำคัญมากๆเลย การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และตรงจุดที่สุด
ถ้าน้องๆสนใจอยากจะทำงานในบริษัทสถาปนิก ควรจะมีคุณสมบัติอย่างไร หรือควรพัฒนาตัวเองไปในด้านไหนคะ
ตามคุณสมบัติหลักๆที่กล่าวมานั่นแหละ ถ้าจะพัฒนาก็คงเป็นเรื่องประสบการณ์ความรู้ที่คงต้องหาเพิ่มเติมมากกว่าในห้องเรียน
เศรษฐกิจแย่ๆแบบนี้มีผลกระทบกับอาชีพบ้างหรือเปล่าคะ
มี แต่จริงๆไม่ว่าอาชีพไหน ๆ ก็มีผลกระทบไปหมดนั่นแหละ
โครงการในอนาคต
อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง 555
แค่ได้เห็นผลงานของเรา แค่นี้ก็ดีใจแล้ว จริงๆนะ
มีวิธีการดูแลตัวเองยังไงให้สวยปิ๊งตลอดเวลาคะ
การบริหารเวลา งานคืองาน พักคือพัก ช๊อปคือช๊อป นอนคือนอนประมาณนี้
ฝากถึงน้องๆที่กำลังทำทีสิสหน่อยค่ะ
พยายามเข้านะคะ สู้ๆล่ะ ผ่านมาทำงานจริงตรงจุดนี้ พอมองย้อนกลับไปทีสิดนี่ง่ายไปเลย เพราะเราได้ทำไรตามใจตัวเอง ฝันอะไรใส่ได้เต็มที่ มีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยช่วย เป็นอะไรที่สนุกสุดๆล่ะ เต็มที่เลยคะน้อง อย่าลืมขยันไปตรวจแบบกันด้วยล่ะ แบบไม่มีก็เอาหน้าไปให้อาจารย์ดูก็ยังดี กันลืม 555
สุดท้ายฝากถึงรุ่นน้อง สถ. ลาดกระบังหน่อยค่ะ
ชีวิตตอนเรียนเป็นอะไรที่ดีมากๆมาก เก็บเกี่ยวกันไว้เยอะนะ สนุกกับมันมากๆ ใช้ให้เต็มที่เลยพอมาทำงานแล้ว โตมากขึ้น จะทำอะไรแบบเด็กมันก็ไม่ได้แล้ว เพราะหน้าที่การทำงาน วัยวุฒิต่างๆ มันทำให้เราต้องปรับตัวมากขึ้น ว่าแล้วก็คิดถึงตอนเรียนจังเลย
Thesis ศูนย์แฟชั่น กรุงเทพฯ